วันที่ 31 ตุลาคม 2559 นายวิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นประธานและกล่าวต้อนรับ พร้อมบรรยายพิเศษ กับคณะผู้แทน โครงการ Green Public Procurement in Bhutan (GPP Bhutan) จากราชอาณาจักรภูฏาน ประกอบด้วย ข้าราชการและผู้ประสานงานโครงการ จำนวน 16 คน ในโอกาสเดินทางมาศึกษาดูงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 4 พฤศจิกายน 2559 นายวิจารย์ เปิดเผยว่า การศึกษาดูงานในครั้งนี้ เป็นการพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินงานที่เกี่ยวกับภาครัฐ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ ซึ่ง กรมควบคุมมลพิษ ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลัก ในการดำเนินการส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ได้จัดทำแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐเป็นผู้นำในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งในส่วนกลาง ในระยะแรก และขยายผลไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย หน่วยงานในกำกับของรัฐ และองค์การมหาชน รวมทั้งได้จัดทำเกณฑ์ข้อกำหนดสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้เกิดตลาดสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐสามารถจัดซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้แพร่หลายมากขึ้น โดยปัจจุบัน กรมควบคุมมลพิษ ได้พิจารณาขึ้นทะเบียนสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ (ตะกร้าเขียว) จำนวน 24 ประเภท ประกอบด้วย สินค้า 19 ผลิตภัณฑ์ และการบริการ 5 บริการ มีจำนวนรายการสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในฐานข้อมูลสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (http://gp.pcd.go.th) กว่า 1,000 รายการ การศึกษาดูงานในครั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเพื่อพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งให้ความอนุเคราะห์ ในการเข้าเยี่ยมชม การดำเนินงานด้านการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนของหน่วยงานแก่คณะผู้แทนจากราชอาณาจักรภูฏาน อีกด้วย นายวิจารย์ กล่าวว่า การศึกษาดูงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ของคณะผู้แทนจากราชอาณาจักรภูฏานในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ สามารถนำความรู้และประสบการณ์ ไปปรับใช้กับการดำเนินงานของราชอาณาจักรภูฏานได้ อีกทั้ง เป็นการช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับราชอาณาจักรภูฏาน ให้แน่นแฟ้นขึ้น